
บริการรับสั่งสินค้าฟรี
หากคุณไม่สะดวกในการค้นหาสินค้า เพื่อเปรียบเทียบราคา หรือการตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างมีคุณภาพ โปรดส่งข้อมูลลิงก์สินค้ามาให้เรา เราจะส่งข้อมูลเปรียบราคาสินค้าไปให้คุณ เพื่อคุณจะมั่นใจในการได้รับสินค้าที่มีคุณภาพเหมาะสมกับคุณภาพและราคาที่ต้องจ่าย
เราจะตอบกลับและส่งลิงค์สินค้าเปรียบเทียบไปให้คุณทาง Email ที่คุณกรอกมา
สอนใช้เอไอช่วยเขียนโครงการ:ตัวอย่างใช้ Chatgpt กรอกแบบฟอร์ม กปท.7 คลิกลิงก์เพื่อดูคลิป
เฮ้! สวัสดีเพื่อนๆ 👋 พร้อมระเบิดความรู้กันหรือยัง!? คลิปใหม่มาแล้วว้าว! ดูเลย! รับรองว่าได้ไอเดีบไปเต็มจนต้องกรี๊ด! สุดๆไปเลย! อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามช่องเราด้วยน้าาาา เพื่อไม่พลาดคลิปเด็ดๆแบบนี้! 💖
https://www.facebook.com/share/v/14XXdWazsE/3 ฟรีบล็อกที่ยังมีอยู่ในปี 2568 – แพลตฟอร์มไหนที่ยังให้ใช้ฟรี? free blog service
รีวิวฟรีบล็อกที่ยังมีอยู่ในปัจจุบัน – แพลตฟอร์มไหนที่ยังให้ใช้ฟรี?
ถ้าคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์มทำบล็อกฟรีในปีนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าที่ไหนยังให้ใช้ฟรีอยู่บ้าง มาถูกที่แล้ว! ปัจจุบันมีตัวเลือกมากมายสำหรับคนที่อยากเขียนบล็อกแบบไม่ต้องเสียเงิน แต่ละแพลตฟอร์มก็มีจุดเด่นที่ต่างกันไป มาดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง และเหมาะกับใครที่สุด
1. Blogger – บล็อกฟรีจาก Google
จุดเด่น:
✅ ใช้งานง่าย เหมาะกับมือใหม่
✅ ฟรี 100% ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง
✅ เชื่อมต่อกับ Google AdSense เพื่อสร้างรายได้
ข้อสังเกต:
❌ ธีมและดีไซน์ค่อนข้างจำกัด
❌ การพัฒนาอาจจะไม่ค่อยทันสมัยเท่าแพลตฟอร์มอื่น
เหมาะกับ: คนที่ต้องการสร้างบล็อกง่ายๆ เน้นเขียนเนื้อหาโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเทคนิคมากนัก
2. WordPress.com – บล็อกฟรีที่ปรับแต่งได้เยอะ
จุดเด่น:
✅ ใช้งานง่าย มีธีมให้เลือกเยอะ
✅ รองรับ SEO ดี
✅ มีแพลนฟรีให้ใช้งาน
ข้อสังเกต:
❌ ถ้าใช้แพลนฟรีจะมีโฆษณาของ WordPress ติดอยู่
❌ ต้องจ่ายเงินถ้าต้องการใช้โดเมนส่วนตัว
เหมาะกับ: คนที่อยากลองเขียนบล็อกแบบจริงจัง และอาจอัปเกรดเป็นแพลนเสียเงินในอนาคต
3. Medium – แพลตฟอร์มสำหรับนักเขียนตัวจริง
จุดเด่น:
✅ อินเทอร์เฟซเรียบง่าย อ่านสบายตา
✅ มีโอกาสสร้างรายได้จากการเขียนบทความที่ได้รับความนิยม
ข้อสังเกต:
❌ ไม่สามารถปรับแต่งบล็อกได้มากนัก
❌ แพลนฟรีมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ไม่สามารถสร้างโดเมนของตัวเองได้
เหมาะกับ: คนที่เน้นเขียนบทความและอยากให้เนื้อหาของตัวเองไปถึงผู้อ่านโดยไม่ต้องยุ่งกับการตั้งค่าบล็อก
4. Ghost (Self-Hosted) – สำหรับคนที่อยากควบคุมทุกอย่างเอง
จุดเด่น:
✅ ไม่มีโฆษณากวนใจ
✅ รองรับ SEO และเขียนบทความได้ดี
ข้อสังเกต:
❌ ต้องมีเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง (หรือเช่า)
❌ ไม่เหมาะกับมือใหม่ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิค
เหมาะกับ: คนที่อยากควบคุมบล็อกของตัวเองแบบเต็มที่ และต้องการแพลตฟอร์มที่เน้นการเขียน
สรุป
ถ้าอยากได้ บล็อกฟรีที่ใช้งานง่าย → Blogger
ถ้าอยากได้ บล็อกที่รองรับ SEO และมีธีมเยอะ → WordPress.com
ถ้าเน้น เขียนบทความและสร้างรายได้จากเนื้อหา → Medium
ถ้าอยากได้ แพลตฟอร์มที่ไม่มีข้อจำกัดและควบคุมได้เอง → Ghost (Self-Hosted)
สุดท้ายแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการอะไรจากบล็อกของคุณ ถ้าต้องการเริ่มต้นแบบง่ายสุด แนะนำให้ลอง Blogger หรือ WordPress.com ก่อน ถ้าชอบเขียนเป็นหลัก Medium ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ส่วนใครที่มีความรู้ด้านเทคนิคและอยากจัดการทุกอย่างเอง Ghost ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
แล้วคุณล่ะ ใช้แพลตฟอร์มไหนอยู่ หรือมีตัวไหนที่อยากลองบ้าง? มาแชร์กันได้นะ!
ความเข้าใจความเหมือนและแตกต่างระหว่าง Make.com, n8n และ Zapier กับ API
Make.com, n8n และ Zapier ไม่ใช่ API โดยตรง แต่เป็น แพลตฟอร์มสำหรับการทำงานอัตโนมัติ (Automation Platforms) ที่ช่วยให้คุณเชื่อมต่อ API ต่างๆ เข้าด้วยกันได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเขียนโค้ดมาก
ความแตกต่างระหว่าง Make.com, n8n และ Zapier กับ API
1. API (Application Programming Interface)
เป็น ตัวกลาง ที่ให้แอปพลิเคชันหนึ่งสามารถสื่อสารกับอีกแอปหนึ่งได้
API เป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างบริการต่างๆ เช่น YouTube API ช่วยให้คุณดึงวิดีโอจาก YouTube
ต้องใช้โค้ด (เช่น JavaScript, Python) เพื่อเรียกใช้งาน
2. Make.com, n8n และ Zapier
เป็น เครื่องมือที่ช่วยให้คุณใช้งาน API ได้ง่ายขึ้น โดยใช้ระบบลาก-วาง (No-Code/Low-Code)
คุณสามารถสร้าง Workflow ที่เชื่อม API ของหลายแพลตฟอร์มเข้าด้วยกันโดยไม่ต้องเขียนโค้ดเยอะ
เช่น ตั้งค่าให้ YouTube API ดึงวิดีโอที่มีลิขสิทธิ์ Creative Commons แล้วโพสต์ไปที่ Facebook Page อัตโนมัติ
สรุป
Make.com, n8n และ Zapier เป็น เครื่องมือที่ช่วยจัดการ API ให้ใช้งานง่ายขึ้น ไม่ต้องเขียนโค้ดเยอะ แต่ API คือโครงสร้างที่ทำให้ระบบต่างๆ ติดต่อกันได้