ในการเทรดนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเข้าใจกลไกของตลาดและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาก่อน จากนั้นจึงเลือกกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมกับตนเอง โดยกลยุทธ์การเทรดนั้นมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ระยะเวลาในการเทรด ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และทักษะความรู้ของผู้เทรด
สำหรับกลยุทธ์การเทรดที่ง่ายสุด สร้างรายได้ง่าย มีความเสี่ยงน้อยกว่านั้น โดยทั่วไปจะเป็นกลยุทธ์ที่เน้นการเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following) โดยอาศัยหลักการที่ว่าราคาสินทรัพย์มักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันเป็นเวลานานๆ เช่น แนวโน้มขาขึ้น ราคาจะเคลื่อนไหวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มขาลง ราคาจะเคลื่อนไหวลดลงอย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
- กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มแบบกราฟ อาศัยการสังเกตการเคลื่อนไหวของราคาจากกราฟเป็นหลัก โดยผู้เทรดจะต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ในการอ่านกราฟเพื่อระบุแนวโน้มของราคา
- กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มแบบระบบ อาศัยการประมวลผลข้อมูลทางสถิติและคณิตศาสตร์เพื่อระบุแนวโน้มของราคา โดยผู้เทรดไม่จำเป็นต้องมีความรู้หรือประสบการณ์ในการอ่านกราฟมากนัก
ตัวอย่างกลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มแบบกราฟ ได้แก่
- กลยุทธ์การเทรดตามแนวรับแนวต้าน อาศัยการซื้อขายบริเวณแนวรับแนวต้านของราคา
- กลยุทธ์การเทรดตามรูปแบบราคา อาศัยการซื้อขายตามรูปแบบราคาต่างๆ เช่น รูปแบบสามเหลี่ยม รูปแบบธง รูปแบบหัวและไหล่ เป็นต้น
ตัวอย่างกลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มแบบระบบ ได้แก่
- กลยุทธ์การเทรดตามดัชนี อาศัยการซื้อขายตามสัญญาณของดัชนีทางเทคนิคต่างๆ เช่น ดัชนี MACD ดัชนี RSI เป็นต้น
- กลยุทธ์การเทรดตามระบบ อาศัยการซื้อขายตามระบบการเทรดที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยระบบการเทรดนี้อาจใช้การประมวลผลข้อมูลทางสถิติและคณิตศาสตร์ต่างๆ เช่น การวิเคราะห์โมเมนตัม การวิเคราะห์ความผันผวน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีโอกาสชนะการเทรดสูงเสมอไป เนื่องจากตลาดสินทรัพย์อาจมีความผันผวนสูงและราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ผู้เทรดจึงควรใช้เงินลงทุนอย่างระมัดระวังและกำหนดจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ไว้เสมอ เพื่อจำกัดความเสี่ยงจากการขาดทุน
นอกจากกลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มแล้ว ยังมีกลยุทธ์การเทรดอื่นๆ ที่สามารถนํามาใช้ได้ เช่น กลยุทธ์การเทรดแบบสวนแนวโน้ม (Countertrend Trading) กลยุทธ์การเทรดแบบแกว่งตัว (Swing Trading) และกลยุทธ์การเทรดแบบระยะสั้น (Day Trading) เป็นต้น การเลือกกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ระยะเวลาในการเทรด ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และความรู้ทักษะของผู้เทรด
สำหรับผู้เริ่มต้นในการเทรดนั้น ควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรดต่างๆ ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจเลือกกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมกับตนเอง นอกจากนี้ ควรฝึกฝนการเทรดด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อทดลองใช้กลยุทธ์การเทรดต่างๆ และเรียนรู้จากความผิดพลาดต่างๆ เพื่อนำมาปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดของตนให้ดียิ่งขึ้น
ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำบางประการสำหรับผู้เริ่มต้นในการเทรด
- ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรดต่างๆ ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
- ฝึกฝนการเทรดด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account)
- ใช้เงินลงทุนอย่างระมัดระวังและกําหนดจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ไว้เสมอ
- หลีกเลี่ยงการเทรดตามอารมณ์
- เรียนรู้จากความผิดพลาดต่างๆ เพื่อนำมาปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดของตน
ขอให้โชคดีในการเทรดครับ
#เทรดตามแนวโน้ม #เทรดง่าย #กลยุทธ์เทรด #รายได้ง่าย #ความเสี่ยงน้อย